สศท.2 เข้าร่วมประชุมคณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัด ครั้งที่ 1/2568 และอบรมพัฒนาศักยภาพคณะทำงานฯ ภายใต้โครงการพัฒนาแนวทางลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัดเพื่อมุ่งสู่ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission)

วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 นางธัญญ์พิชชา เถระรัชชานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 (ผอ.สศท.2) พร้อมด้วย นายชาติ เนาวพนานนท์ นักวิชาการสถิติชำนาญการ เข้าร่วมประชุมคณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัด ครั้งที่ 1/2568 และอบรมพัฒนาศักยภาพคณะทำงานฯ ภายใต้โครงการพัฒนาแนวทางลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัดเพื่อมุ่งสู่ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ณ ห้องประชุมพระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดน่าน ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Cloud Meeting โดยมี นายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานการประชุม

วัตถุประสงค์ของโครงการ

  • เพื่อสนับสนุนให้จังหวัดจัดทำแผนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Ermission) และแผนการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในบริบทของแต่ละจังหวัด
  • เพื่อจัดทำแบบจำลองในการพัฒนาทางธุรกิจ (Business Model) ด้วยกลไกลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับจังหวัดให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละจังหวัด

สาระสำคัญการประชุม

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก องค์การมหาชน (อบก.) หรือ GTO ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้จังหวัดต่างๆ ได้บริหารจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยว่าจ้าง บริษัท Bright Management ศึกษาวิเคราะห์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และหาแนวทางมาตรการในการลดก๊าซเรือนกระจกมุ่งสู่การเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2568 ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม 68.89 ล้านบาท ขับเคลื่อนกิจกรรมมาตั้งแต่ปี 2566 อาทิ

  • รายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจก
  • จัดทำแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • จัดทำแผนปรับตัวต่อ Climate Change
  • อบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรของสำนักงานทรัพยากรจและสิ่งแวดล้อมจังหวัด
  • พัฒนาระบบสารสนเทศข้อมูลก๊าซเรือนกระจกให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อยอดในการวางแผนขับเคลื่อนระดับพื้นที่ต่อไป
  • ส่งเสริมสนับสนุนให้จังหวัดขับเคลื่อนดำเนินกิจกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้โครงการจัดทำแผนลดก๊าซเรือนกระจก ประกอบด้วย 1) การทบทวนการรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจก 2) การทบทวนศักยภาพการลดก๊าซเรือนกระจกของจังหวัด 3) การทำแผนลดก๊าซคาร์บอนให้เหลือ 0 และเป็นกลางทางคาร์บอน

ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแม้ว่าจะไม่ถึง 1% ของโลกเพราะไม่ได้มีพื้นที่และประชากรมากของโลก โดยอันดับหนึ่ง ได้แก่ จีน รองลงมาได้แก่ อเมริกา อินเดีย บราซิล รัสเซีย ที่ปล่อยรวมกันมากกว่า 50% โดยภาคพลังงานมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดถึงร้อยละ 65.89 ภาคเกษตร 17.86 ภาคอุตสาหกรรม 10.5 และของเสีย 5.75

หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 3.2 องศาเซลเซียส จะส่งผลทำให้ GDP ลดลงมากกว่าร้อยละ 43

อีกไม่นานนี้ ไทยจะมี พรบ. Climate Change ซึ่งผ่าน ครม.แล้ว โดยจะดำเนินการเรื่องของกองทุน Climate Change การขึ้นภาษีคาร์บอน การซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต และการเก็บภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM)

ในปี 2030 เป็นการกำหนดแผนระยะกลาง และเป้าหมาย นั่นคือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 40 จากการส่งเสริมสนับสนุนหลายเรื่อง อาทิ การสร้างรถไฟฟ้าเพิ่มในประเทศ การใช้ระบบ Solar (ระบบพลังงานหมุนเวียน) ที่ให้เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 50% รวมทั้งการกักเก็บคาร์บอน ในรูปหลุมแก๊สต่างๆ

จังหวัดน่านมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า มีแผนเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2567-2573 ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จาก 30% เป็น 40% ผ่านการขับเคลื่อน 20 มาตรการ ซึ่งน่านเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบในบริบททางด้านการท่องเที่ยวและการเกษตร ดังนั้น ต้องนำข้อมูล การเรือนกระจกของจังหวัดน่านเป็นฐานศึกษาวิเคราะห์ว่าจะดำเนินการลดได้อย่างไร

ภาพ/ข่าว : คณะทำงานประชาสัมพันธ์ สศท.2 พิษณุโลก